IND มองงานรัฐทำกำไรบวกก่อสร้าง

บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป เข้าซื้อขายหุ้น IPO ในตลาด MAI กระแสตอบรับดี ปัจจุบันมีแบ็กล็อกในมือกว่า 530 ล้านบาท มั่นใจเปิดมาปี 2564 โครงการใหม่ที่รอเปิดประมูลมีโอกาสได้รับค่อนข้างสูงโดยเฉพาะงานภาครัฐ เพราะที่ผ่านมามีโปรไฟล์ด้านนี้อยู่มาก และปีนี้จะเน้นด้านออกแบบพร้อมก่อสร้างมากขึ้น ตอนนี้งานสนามบินและคลังน้ำมัน ถือเป็นโอกาสของบริษัทฯ


ดร.ชัยณรงค์ ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND กล่าวต่อว่า บริษัทฯ มีความยินดีและขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่สนับสนุนและมีกระแสตอบรับอย่างดีในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท จากราคาเปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาเปิดสูงกว่าราคาจองซื้อที่ 1.10 บาท คาดว่าในปี 2563 นี้ ผลประกอบการโดยภาพรวมมีแนวโน้มเติบโตได้ดีและจะรักษาผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าที่ได้คาดการณ์ไว้ และพร้อมที่จะพัฒนาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี

ในปีนี้บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 530 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และคาดว่าบางส่วนจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปีหน้า โดยคาดว่าในปี 2564 จะสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น จากส่วนงานด้านการออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด งานบริหารโครงการและควบคุมการก่อสร้าง และงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วนั้น บริษัทฯ จะสามารถขยายและรองรับงานในมือได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย


งานในปี 2564 ที่บริษัทฯ มีโอกาสจะได้รับนั้น ยังคงเป็นงานจากหน่วยงานราชการเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมามีผลงานการออกแบบและควบคุมงานอยู่แล้ว ส่วนงานด้านออกแบบพร้อมก่อสร้างจะเป็นอีกงานหนึ่งที่ช่วยให้บริษัทฯ มีมูลค่าจากโครงการที่มากขึ้น โดยร่วมกับพันธมิตรด้านก่อสร้าง ซึ่งตอนนี้สนามบินอู่ตะเภา ได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งในส่วนของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ ส่วนในวันที่ 8 มกราคม 2564 จะมีการประมูลโครงการระบบน้ำมัน รวมถึงโครงการรถไฟที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งงานเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่อินเด็กซ์ฯ จะได้รับ

ดร.ชัยณรงค์ กล่าวว่า โครงการที่พัฒนาอยู่ในพื้นที่ EEC หรือระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยเฉพาะสนามบินอู่ตะเภา บริษัทฯ มีโอกาสที่จะได้รับงานเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาเคยออกแบบคลังน้ำมันมาแล้วทั้งที่สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ คลังน้ำมันที่จังหวัดพิจิตร ลำปาง และบางปะอิน ซึ่งที่อู่ตะเภาจะมีหลายส่วนเช่นกัน อาทิ คลังน้ำมัน ระบบท่อส่ง จุดเติมน้ำมันจากใต้ดิน และก่อนหน้านี้ก็มีงานออกแบบสนามบินพิษณุโลกที่เสร็จแล้ว และคาดว่าจะเข้าประมูลควบคุมงานก่อสร้างในปี 2564 รวมถึงสนามบินหาดใหญ่ที่ควบคุมงานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อกลางปี 2562 ดังนั้นโครงการต่างๆ ของสนามบินที่มีอยู่ทั่วประเทศ ถือเป็นโอกาสอย่างมากของบริษัทฯ ในการเข้าร่วมประมูลเพื่อรับงาน

“การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของเราในครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและมาตรฐาน เพราะเวลาไปประมูลต่างๆ ลูกค้าก็พิจารณาจากทุนจดทะเบียนของผู้เข้าประมูลด้วยว่ามีศักยภาพแค่ไหน นอกจากนี้จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในด้านซอฟต์แวร์ ทั้งสมาร์ทคอนซัลแทนท์ สมาร์ทเอ็นจิเนียริ่ง เป็นต้น ซึ่งเรื่องไอทีเราต้องปรับตัวให้ทัน ให้สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นในธุรกิจเดียวกันให้ได้ เพราะเทคโนโลยีในด้านนี้เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย” ซีอีโอ บมจ. อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป กล่าว 



บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (IND) ระบุว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกของ IND ราคาหุ้นช่วงเปิดอยู่ที่ 1.55 บาท จากราคา IPO ที่ 1.10 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 40.91% จากการที่หุ้น IND  มีราคาเปิดตลาดสูงกว่าราคาจองซื้อในวันนี้ (22 ธ.ค.) สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของบริษัทฯ และผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่มีต่อหุ้น IND ซึ่งการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือให้มีมาตรฐานและมีความเป็นสากล โปร่งใส และตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น

 
เว็บสำเร็จรูป
×