PCE


ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 5,473.7 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ จำนวน 28 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 5,436.8 ล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม, ผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากปาล์ม (By Product), การส่งออกผลิตภัณฑ์ RBDPKO, ธุรกิจไฟฟ้า, ธุรกิจขนส่งและบริการ รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดี

            สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2568 PCE มีทิศทางที่ดี ผลผลิตปาล์มสดจากสวนเริ่มออกมา โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันปาล์มไปจีน และอินเดีย ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมแผนขยายกำลังการผลิต เน้นเพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้   

ภาพรวมธุรกิจ PCE ในไตรมาส 2  ยังคงมีทิศทางที่สดใส คาดว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันในไตรมาส 2 เริ่มออกมาเป็นจำนวนมากหนุนรายได้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 30,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย และ PCE ได้ให้ความสำคัญต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดน้ำมันปาล์มและอื่นๆ ด้วยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ แตกไลน์ ผลิตภัณฑ์ปาล์ม เช่น น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) โดยเพิ่มยอดการจัดจำหน่ายมากกว่า 40,000 ตันจากเดิม 15,000 ตัน และวางแผนการส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูงไม่น้อยกว่า 120,000 ตันต่อปี อันเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร หนุนรายได้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน ทั้งยังเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ และพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาอนุมัติให้ PCE ร่วมทุนกับ Intercontinental Specialty Fats Sdn. Bhd. (ISF) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ The Nisshin OilliO Group, Ltd. ผู้ผลิตน้ำมันปรุงอาหารรายใหญ่ ของประเทศญี่ปุ่น ดำเนินการจัดตั้ง บริษัท นิทไทย สเปเชียลตี้ ออย แอนด์ แฟตส์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยPCE ถือหุ้นในสัดส่วน 60% และ ISF ถือหุ้น 40% มีกำหนดจดทะเบียนจัดตั้งในเดือนก.ค. 2568 และเริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนต.ค. 2568 เพื่อบุกตลาดน้ำมันพืชในไทย โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีการเติบโตในประเทศไทยต่อเนื่องเฉลี่ย 2-3% ต่อปี และเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ High Value Added Product ในอุตสาหกรรมอาหาร

ISF มีจุดเด่นเรื่อง Know-How ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันพืชชนิดพิเศษเป็นอย่างดี รวมไปถึงไขมันสำหรับช็อกโกแลต เบเกอรี่ อาหารทอด ซึ่งเมื่อรวมกับศักยภาพของ PCE ที่มี Supply Chain น้ำมันปาล์มครบวงจรในไทย จะส่งเสริมให้การกระจายสินค้าและการเข้าถึงกลุ่มตลาดเป้าหมายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มบริษัท PCE ในอนาคตอย่างยั่งยืน


วันที่ 27 พฤษภาคม 2568

                      






 
เว็บสำเร็จรูป
×