สนามกอล์ฟไร้สารพิษแห่งแรก

         ต่อไปการเล่นกอล์ฟจะมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยสยามคันทรีคลับ ได้ร่วมมือกับ พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำ “สนามกอล์ฟออร์แกนิก” ซึ่งใช้ชีวภัณฑ์ทำการทดลองปรับปรุง 3 เดือน พบว่า สารอาหารในดินเพิ่มขึ้น ค่าความเป็นกรดอยู่ที่ ph6 - 6.5 จากเดิม ph2-3 ดังนั้นการพัฒนาในเรื่องนี้ จะสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นเกษตรแบบออร์แกนิกได้ทั้งระบบ ตลอดจนธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่นๆ



        รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า คนไทยและชาวโลกกำลังเผชิญกับปัญหาสารพิษที่แฝงอยู่รอบตัวมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อสุขภาพ ระบบนิเวศน์ และการตกค้างในสิ่งแวดล้อม สจล.จึงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำความปลอดภัยจากสารพิษ สานพลังผู้ประกอบการขับเคลื่อนไทยสู่ ‘ไลฟ์สไตล์สีเขียวและวิถีออร์แกนิก’ (Green lifestyle, Organic Environment) สนับสนุนการพัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

   

        สจล.จึงได้จัดตั้ง สถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. (KMITL Research Institute of Modern Organic Agriculture) ซึ่งมุ่งวิจัย พัฒนา สร้างนวัตกรรม ‘การผลิตอาหารปลอดภัยจากสารพิษ เพื่อสุขภาพของคนไทยและมนุษยชาติ ดำเนินการการรับรองเกษตรอินทรีย์โดยสถาบัน AATSEA-KMITL และรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมผู้ประกอบการและเกษตรกร เพื่อนำไปสู่การผลิตและการตลาดอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ด้านเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย โดยนำมาใช้ทดแทนสารเคมีเกษตรในการทำการเกษตรไม่ใช้สารเคมี (NAP, Non – Agrochemical Production) เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่เกษตรอินทรีย์ยุคใหม่อย่างครบวงจรจากต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ อีกทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจออร์แกนิกและเกษตรอินทรีย์ของไทยให้เป็นจริง มีความมั่นคงเข้มแข็ง และยั่งยืน 

        การที่จะบรรลุเป้าหมายประเทศไทยเป็น ‘ฮับเกษตรปลอดสารเคมีของโลก’ ศูนย์กลางผลิตภัณฑ์-บริการออร์แกนิก ยกระดับครัวไทยเป็นครัวโลกเพื่อสุขภาพดี เป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ที่ยั่งยืน จำเป็นต้องใช้ทรัพยากร ทั้งเครื่องมือ บุคลากร องค์ความรู้และนวัตกรรม ตลอดจนปัจจัยต่างๆ สจล.จึงขอเชิญชวนธุรกิจอุตสาหกรรม กิจการต่างๆ ให้หันมาใส่ใจผู้บริโภค และแนวทางออร์แกนิกด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 



        ด้านรศ. ดร.เกษม สร้อยทอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. กล่าวถึง ความสำเร็จในการทำวิจัย ‘สนามกอล์ฟออร์แกนิก’ การคิดค้นนวัตกรรม และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ว่า สจล.ได้ร่วมกับ สยามคันทรีคลับ บางนา ดำเนินงานวิจัยสนามกอล์ฟออร์แกนิกครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งความสำเร็จของผลการวิจัยในระยะ 3 เดือนของการปรับปรุงสนามกอล์ฟโดยการใช้ชีวภัณฑ์และนวัตกรรมของ สจล. พบว่า สารอาหารในดินเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และปริมาณโลหะหนักต่างๆ ได้ถูกย่อยสลายและลดลงอย่างเห็นได้ชัด และผลดีที่ได้จากการปรับปรุงทำให้ความเป็นกรด-ด่างของดินจากเดิมค่าความเป็นกรด ph2-3 ได้ปรับตัวมาเป็นกลาง ph6 - 6.5 ภายในเวลา 3 เดือน

       นอกจากนี้ การตรวจสอบได้บ่งชี้ว่าไม่พบสารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง ไนเตรต หลังเข้าทำการปรับปรุงสนามด้วยชีวภัณฑ์ ความสำเร็จนี้จะนำไปต่อยอดกับธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็นออร์แกนิก กิน-อยู่-เที่ยว-เล่น ต่อไป เช่น สวนผักผลไม้ ฟาร์ม รีสอร์ท แหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา โรงเรียน ชุมชนหมู่บ้าน เป็นต้น 

       สำหรับ 3 ผลงานวิจัยนวัตกรรมเด่นที่ สจล. คิดค้นเพื่อโลกปลอดสารพิษ ได้แก่ 1. สารอินทรีย์ปรับปรุงสภาพดินและย่อยโลหะหนัก เพื่อเร่งการฟื้นฟูสนามหญ้าจากโรคพืช พร้อมทั้งกระตุ้นความสมบูรณ์ให้กับสนามหญ้า 2.นาโนอิลิซิเตอร์ (Nano-Elicitor) เป็นนาโนเทคโนโลยีจากสารออกฤทธิ์จุลินทรีย์เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่พืช และคีโตเมี่ยม ผลงานวิจัยยาเชื้อป้องกันกำจัดโรคพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ปุ๋ยอินทรีย์ คิงฟาร์เมอร์ (Organic Fertilizer: King Farmer), นิวทริครอป จุลินทรีย์เพิ่มผลผลิต (Nutri-crop :Liquid Biofertilizer), บอทเอฟ ป้องกันโรคพืช (Bot-F for disease control), ไบโออินเส็ก จุลินทรีย์กำจัดแมลง สารสร้างภูมิคุ้มกันแมลง  (Bio-insect: Pest-No for insect protection), ยารากัวร์ (Ya-Ra-Gua for insect and disease control) สารควบคุมแมลง, คีเท็ก (KETEK: increase plant growth and yield) กระตุ้นการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต, NUTRI-FOOD : high potassium (K) increase yield, จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน (Bio-decomposer for soil improvement) 

   

       3. การรับรองเกษตรอินทรีย์โดย สถาบัน AATSEA-KMITL ตามมาตรฐานสากล สจล.เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการจนถึงเกษตรกรในทุกระดับ สนับสนุนการตรวจสอบ การวัดประเมินผล และการรับรองเกษตรกร พื้นที่การเกษตร ไปจนถึงผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดจากเกษตรกรที่มีผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ผลกระทบทางภูมิสังคม และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ตั้งแต่เกษตรกรรายย่อยจนถึงเครือข่ายการเกษตรขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยและต่างประเทศ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตและการบริโภคผลผลิตทางการเกษตร อาทิ การให้เกษตรกรเลิกใช้สารกำจัดแมลงและศัตรูพืช เปลี่ยนการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยชีวภาพ หรืออินทรีย์วัตถุ และการใช้นวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มมวลชีวภาพให้แก่ธาตุในดิน ตลอดจนการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์การเกษตรมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม รวมทั้งการฝึกอบรมส่งเสริมและสร้างกำลังคนผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่สำหรับประเทศไทย

       นอกจากนี้ สถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. ได้ขยายความร่วมมือด้านเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ กับต่างประเทศ อาทิ การร่วมวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับประเทศฟินแลนด์, Sathyabams Institute of Science and Technology, Chennei ประเทศอินเดีย Zhejiang Academy of Agricultural Science, Hangzhou จากจีน, Catanduanes State University ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น อีกทั้งร่วมมือทางวิชาการและวิจัยกับประเทศในกลุ่มสมาชิกของสมาคมเทคโนโลยีการเกษตรแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (AATSEA) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 18 ประเทศ 

       นายสมชาย สืบบุญศรีพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามเอสเตท แอนด์ โค จำกัด ในกลุ่มสนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ กล่าวว่า อันตรายของสารเคมีสามารถสัมผัสและติดตามตัวเสื้อผ้าไปสู่บ้านได้ โดยบริษัทฯ ได้มุ่งมั่นในการพัฒนาบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้มาใช้ จึงได้ร่วมมือกับ สจล. ริเริ่มทำวิจัยสนามกอล์ฟออร์แกนิกด้วยนวัตกรรมชีวภัณฑ์เป็นแห่งแรกเพื่อประโยชน์ต่อผู้มาใช้บริการ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมสีเขียวและธุรกิจที่เสริมความยั่งยืนแก่ประเทศโดยรวม 



       ขณะที่นายกิตติศักดิ์ โพธิ์แก้ว โปรกอล์ฟ /ผู้อำนวยการหลักสูตรโปรแกรมผู้บริหารระดับสูงเพื่อการเปลี่ยนแปลง กล่าวว่า สนามกอล์ฟออร์แกนิกในต่างประเทศเริ่มแล้ว ส่วนในไทยครั้งนี้เป็นการวิจัยครั้งแรก นับเป็นความฝันของนักเล่นกอล์ฟและโปรกอล์ฟที่จะเล่นได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยต่อสุขภาพ ปัจจุบันมีสนามกอล์ฟในประเทศไทยกว่า 250 แห่ง และนักกอล์ฟทั่วประเทศ มีจำนวนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งการพัฒนาแนวคิดทางธุรกิจให้เป็นสีเขียวและออร์แกนิกนั้น จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยสูงขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีของประเทศไทย และสร้างความประทับใจ พร้อมไปกับกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น 

 
เว็บสำเร็จรูป
×