ยกมารวม 3 งาน เพื่อนักท่องเที่ยวเงินหนา

       งาน “Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023” พร้อมจัดยิ่งใหญ่ ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ พฤษภาคมนี้ มี 450 บูธ จาก 3 งาน ให้เลือกซื้อเลือกหา ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ดำน้ำ ปีนหน้าผา อุปกรณ์ตีกอล์ฟ แคมป์ปิ้งกลางแจ้ง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อสูงยินดีจ่าย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ ช่วยให้เม็ดเงินการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและลงไปสู่ชุมชนอีกด้วย คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะมีเงินสะพัดกว่า 180 ล้านบาท จากปีที่แล้วอยู่ที่ 167 ล้านบาท 



        นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" (ไทยแลนด์กอล์ฟ แอนด์ ไดฟ์ เอ็กซ์โป พลัส เอาท์ดอร์ เฟสท์ 2023) เปิดเผยว่า จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย เฉพาะช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,465,737 คน คิดเป็นเกือบ 65% เมื่อเทียบกับตัวเลขของช่วงเดียวกันในปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีจำนวน 10,792,781 คน 

        ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีการ Rebound หรือการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างชัดเจน จากปัจจัยนี้ทำให้ตลาดการท่องเที่ยวในภาพรวมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดอีกจำนวนมาก ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2023” กว่า 450 บูธ โดยมีผู้ประกอบการต่างประเทศกลับมาแล้วในปีนี้ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา โดยงานนี้นับเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี งาน "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยเป็นการรวม 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานจะมีสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวจากกลุ่มผู้ประกอบการ และคาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีมูลค่าเงินสะพัดกว่า 180 ล้านบาท 

  

         สำหรับงานแรก คือ งาน "Thailand Dive Expo" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 16” เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาท อีกทั้งในปีนี้ยังมุ่งมั่นในการสร้างจิตสำนึกการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยร่วมมือกับหลากหลายองค์กรในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นโครงการรักษ์ทะเล ร่วมกับ CPAC และ SCG สร้างปะการังเทียม คืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ทางทะเล โดยผู้เข้าชมงานสามารถร่วมโหวตรูปแบบชิ้นงานปะการัง เพื่อนำไปจัดสร้างและนำไปวางใต้ท้องทะเล อ. สัตหีบ จ. ระยอง, โครงการ “TDEX You Give…We Share” ร่วมกับเพจ “DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร” เพื่อนำชุดดำน้ำและอุปกรณ์มือสองสภาพดี บริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในปฏิบัติการกู้ภัยสาธารณประโยชน์, โครงการจัดทำกระเป๋าผ้าร่วมกับ คุณเเม็ค ศิลปินวาดภาพที่มีนามปากกาว่า เเม็คชา (Mackcha) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Connect the Dot” บอกเล่าเรื่องราวของ ชาล็อต เด็กผู้หญิงผู้เป็นตัวแทนของความฝัน ที่ได้ผจญภัยเคียงข้างไปกับฉลามวาฬ เพื่อพบเจอโลกใบใหม่ที่น่าตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน , โครงการ “มาหยา Shark Watch Project” กับ “Love Wildlife” เพื่ออนุรักษ์ฉลามในอ่าวมาหยา และกิจกรรมเสวนา “TDEX Divers Talk” แชร์ประสบการณ์ด้านการดำน้ำ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และ Influencers ชื่อดังจากหลากหลายวงการท่องเที่ยวและกีฬา 

  

        งานที่สองคือ "Thailand Golf Expo" งานแสดงสินค้าและบริการสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ การเปิดบูธจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ อุปกรณ์เสริม ชุดกีฬากอล์ฟหลากหลายแบรนด์ดัง พร้อมกิจกรรมไฮไลท์ การแข่งขันกอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” และกิจกรรมกอล์ฟ “Swing Quick Fix” จาก Golfing Ground Performance Center เพื่อพัฒนาขีดความสามารถนักกอล์ฟทุกระดับตั้งแต่มือใหม่จนถึงระดับโปรทัวร์ 

        งานที่สามคืองาน "Outdoor Fest" งานที่รวมกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง บก-น้ำ-อากาศ มาไว้ในที่เดียว โดยจะมีผู้ประกอบการเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพ็คเกจท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งมาไว้ในงาน พร้อมร่วมพูดคุยกับแขกรับเชิญ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมไลฟ์สไตล์ “Camp” และยังมีกิจกรรมสนุกๆ ท้าทายความสามารถ อาทิ แข่งขันปีนหน้าผาจำลอง “Thailand Bouldering Competition” ครั้งที่ 10 ชิงเงินรางวัล และร่วมกับ Decathlon จัดกิจกรรมการแข่งขันกางเต็นท์ “Tent set up challenge” 

        “งานท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ที่ทาง เอ็น.ซี.ซี. จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปีนั้น เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมและกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ตีกอล์ฟ  กิจกรรมกลางแจ้ง แคมป์ปิ้ง เดินป่า ปีนผา แม้ว่ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเฉพาะ (Niche market) แต่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และพร้อมที่จะจ่ายให้กับทริปท่องเที่ยว หรือสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้มีเม็ดเงินกระจายรายได้ไปยังชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นด้วย” นายศักดิ์ชัย กล่าว 



         ด้านนายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยในช่วง 3 เดือนแรกปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–31 มีนาคม 2566 มีจำนวนสะสมกว่า 62,272,504 คน เพิ่มขึ้น 19.80% สร้างรายได้สะสมสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกว่า 218,332.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.73 โดยพื้นที่หลักในการท่องเที่ยวชาวไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี กาญจนบุรี ภูเก็ต และนครราชสีมา แสดงให้เห็นถึงตลาดการท่องเที่ยวไทยมีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง 

         ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจพิเศษ อาทิ ผู้ที่ชื่นชอบกีฬา กิจกรรมทางน้ำ และการแคมป์ปิ้งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟ ที่มีสนามที่มีมาตรฐานอยู่หลายแห่งในประเทศ กิจกรรมดำน้ำทั้งดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และ Free Dive ซึ่งภาคใต้ของไทยเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมไปถึงการท่องเที่ยวกลางแจ้งในรูปแบบแคมป์ปิ้งที่เป็นกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว Gen-Y และกลุ่มผู้มีรายได้สูง 

         ในปี 2565 ที่ผ่านมา ททท.ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดกิจกรรม Thailand Golf & Dive Expo plus Traveler& Outdoor Expo 2022 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้ซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวภายในงานถึง 36,000 คน (Pax) ก่อให้เกิดรายได้กว่า 167 ล้านบาท ทำให้ปี 2566 นี้ ททท. ยังคงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดงานอย่างต่อเนื่อง โดยความพิเศษของปีนี้ ททท.มีแนวคิดที่จะต่อยอดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเข้ากับการส่งเสริมวัฒนธรรม Soft Power 5F ได้แก่ 1.อาหาร (Food)  2. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3.การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) 4. ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และ 5.เทศกาล (Festival) ซึ่งนับเป็นการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากจะเป็นการกระจายรายได้ที่เกิดจากการใช้จ่ายในกิจกรรมดำน้ำ กอล์ฟ และแคมป์ปิ้ง รวมไปถึงค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังสามารถกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกด้วย 



          นอกจากนี้ ททท. จัดทำโครงการ 365 วัน “มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” เพื่อกระตุ้นฐานเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศให้ฟื้นตัว ขยายเศรษฐกิจและประสิทธิภาพการท่องเที่ยว โดยเชิญชวนให้ชาวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ตามสไตล์ที่เลือกได้เองทุกวัน ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023 ที่จะร่วมผลักดัน และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวประเภทไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น กีฬากอล์ฟ กิจกรรมทางน้ำ การดำน้ำ เจ็ตสกี กิจกรรมปีนหน้าผา แคมป์ปิ้ง และกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ อีกมากมาย

 
เว็บสำเร็จรูป
×