บ้านที่คนมองหา “ชีวิตสะดวก ปลอดภัย อยู่สบาย”
 
         เทอร์ร่า มีเดีย เก็บผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กว่า 42% มีแผนซื้อที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว-ทาวน์โฮม ราคา 3-7 ล้านบาท โดยทิศทางปีหน้า พฤติกรรมผู้บริโภคจะหันมาสนใจเรื่องการพักผ่อนในพื้นที่ห้องรับแขก-มุมทำงานมากขึ้น ขณะที่ผลวิจัยด้าน sustainable lifestyles สะท้อนว่า คนช่วงอายุ 18-27 ปี โฟกัสเรื่องการเดินทาง อายุ 46 ขึ้นไป เลือกทานอาหารจนนำมาซึ่งการพัฒนาบ้านให้เป็นสมาร์ทโฮม ประหยัดพลังงาน กิจกรรมเพื่อสุขภาพ ฯลฯ 



          นางสาว สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด (TERRA BKK) กล่าวว่า จากผลวิจัย The most powerful of real estate brand 2023 และเจาะลึกพฤติกรรมผู้บริโภคตามแนวคิด Well-Being and Sustainable Lifestyle จากแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน พบว่า กว่า 42% มีแผนจะซื้อบ้านในช่วง 3 ปี โดยส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในระดับราคาตั้งแต่ 3–7 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจซื้อบ้านปีนี้เพราะส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจเรื่องวัสดุก่อสร้างกันมากขึ้น รองลงมาคือ ระบบรักษาความปลอดภัย สังคมและสิ่งแวดล้อมและบริการหลังการขาย 



         อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกมาดูสินค้าในแต่ละกลุ่มจะพบว่า กว่า 78% วางแผนที่จะซื้อบ้านเดี่ยว โดยส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่ม Baby Boomer (อายุมากกว่า 56 ปีขึ้นไป) และกลุ่ม Gen Y (อายุ 28-41 ปี) รองลงมาเป็นกลุ่มทาวน์โฮม มีสัดส่วน 47% โดยเป็นกลุ่ม Gen X (อายุ 46-56 ปี) และ Gen Z (อายุ 18-27 ปี) ส่วนคอนโดมิเนียม มีผู้วางแผนที่จะซื้อราว 27% ซึ่งเป็นคนในกลุ่ม Gen Z และGen Y ในระดับราคา 2-7 ล้านบาท 

         ด้านพฤติกรรมการอยู่อาศัยในปี 2567 พบว่า คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ในบ้าน 2 ด้าน คือ การพักผ่อนในพื้นที่ห้องรับแขก-ห้องนั่งเล่น – ห้องอเนกประสงค์ และการทำงานแบบอยู่ที่บ้านรวมถึงมีความต้องการพื้นที่นอกตัวบ้าน หรือในสวนมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับแนวคิด sustainable lifestyles จากผลวิจัยที่พบว่า ความต้องการบ้านในอุดมคติ จะประกอบด้วย 3 ด้าน คือ Comfortable and Convenience Living, Safe and Secure Environment และ Well-Being เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าการอยู่บ้านในสังคมใหม่ที่ครบสมบูรณ์ด้วยสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในบ้านมีการใช้สมาร์ทโฮม ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ความเป็นอยู่ทั้งร่างกายและจิตใจดีขึ้น 

         ทั้งนี้ จากผลวิจัยจะเห็นว่า sustainable lifestyles ของคนแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มอายุ 18-27 ปี จะเป็นกลุ่มที่ใส่ใจเรื่องการเดินทาง โดยส่วนใหญ่จะเน้นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมาก ส่วนกลุ่มอายุ 28-41 ปี ให้ความใส่ใจด้านพลังงานเช่น การเปิด-ปิดไฟเมื่อไม่จำเป็น กลุ่มอายุ 46-56 ปี จะเป็นคนที่สนใจเรื่องอาหาร และสุขภาพ เช่น ลดการกินเนื้อสัตว์ หรือกินพืชผักตามฤดูกาล และกลุ่มอายุมากกว่า 56 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจมาก เพราะคนกลุ่มนี้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีสีเขียว เช่น โซล่าร์เซลล์ มากขึ้น 



          จาก sustainable lifestyles ที่กล่าวถึงได้สะท้อนถึงความต้องการบ้านของผู้บริโภคที่สอดรับกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในอนาคต อาทิ การออกแบบ Universal design มีพื้นที่ห้องสปาหรือโปรแกรมบริการ การฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพและกายภาพบำบัด บริการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพ บ้านประหยัดพลังงาน Solar Cell /ฉนวนกันความร้อน ระบบกรองอากาศ PM2.5 และไวรัส, นวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย เช่น Smart Home, EV Charger, ระบบการคัดแยกขยะอย่างแท้จริง เพื่อลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม การก่อสร้างที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยคาร์บอน

         สำหรับแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปี 2567 พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 76% ลดลง 4% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ 80% แม้ในภาพรวมค่าดัชนีจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ในแง่ของการซื้อสินค้ามูลค่าสูง เช่น อสังหาฯ รถยนต์ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงมองว่าช่วงนี้ไม่ใช่โอกาสดีในการซื้ออสังหาฯ ทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน รวมถึงราคาอสังหาฯที่ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าก่อสร้างใหม่ ซึ่งมีผลต่อการขอสินเชื่อใหม่ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มต้องชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป 



         สอดคล้องกับข้อมูลจาก TerraBYTE แอปพลิเคชั่น ที่ว่าแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 2566 ปรับลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ ที่ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของที่อยู่อาศัย ทั้งปริมาณที่เปิดตัวน้อยลงและอัตราการขายที่ลดลง สำหรับกลุ่มทาวน์โฮมอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มราคา 5 ล้านบาท ขึ้นไปที่มีอัตราการขายที่เติบโตขึ้น และตลาดบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับราคา 10-25 ล้านบาทมีอัตราการขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกลุ่ม Real Demand ที่มีรายได้สูง มีเงินออม ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยและมีความต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัย

 
เว็บสำเร็จรูป
×