“อรสิริน” ปักหลักเชียงใหม่มองไกลโตได้อีก

         บมจ.อรสิริน โฮลดิ้ง ไม่รอช้า เตรียมเปิดอีก 6 โครงการ ทั้งแนวราบ-แนวสูง มูลค่าโครงการรวม 3,225 ล้านบาท ส่วนปี 2567 ยังมีแผนลงทุนในพื้นที่ภาคเหนืออีกเกือบ 2 พันล้านบาท มั่นใจเชียงใหม่ยังมีความท้าทายอีกมากที่จะทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ไปต่อได้ โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 1.7 พันล้านบาท

         นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการบ้านแนวราบ แนวสูง และอาคารพาณิชย์ที่บริษัทฯ ได้พัฒนาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวไทย และต่างชาติมาโดยตลอด ส่งผลให้โครงการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของอรสิริน ภายใต้แบรนด์ THE ESCAPE , HABITAT , BELIVE , ORNSIRIN , ORNSIRIN VILLE , URBAN MYX , THE ASTRA , ARISE และ THE NEXT ได้รับความนิยมต่อเนื่องมา กว่า 17 ปี

         ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและขาย (ณ ปี 2565) รวม 18 โครงการ มูลค่ารวม 15,505 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 11 โครงการ มูลค่ารวม 8,348 ล้านบาท แนวสูง 7 โครงการ มูลค่ารวม 7,157 ล้านบาท โดยคงเหลือเพื่อขายมูลค่ารวม 6,385 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบมูลค่า 4,679 ล้านบาท และโครงการแนวสูงมูลค่า 1,706 ล้านบาท และบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำอสังหาฯ ระดับกลาง-บน ของภาคเหนือภายใน 3 ปี 



          ด้านนายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อรสิริน โฮลดิ้ง กล่าวว่า เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ จึงได้กำหนดแผนธุรกิจในปี 2566 เตรียมเปิดโครงการใหม่แนวราบ-แนวสูง รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,225 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 3 โครงการ มูลค่ากว่า 1,940 ล้านบาท และแนวสูงอีก 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,285 ล้านบาท คาดจะเริ่มพัฒนาโครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ของปี 2566

          นอกจากนี้ ภายในปี 2567 บริษัทฯ เตรียมแผนการพัฒนาโครงการในพื้นที่ภาคเหนือเพิ่มเติม มูลค่ารวมประมาณ 1,940 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบมูลค่ารวมประมาณ 233 ล้านบาท และโครงการแนวสูง มูลค่ารวมประมาณ 1,707 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอสังหาฯ ภาคเหนืออย่างแข็งแกร่ง

  

          ขณะที่นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บมจ. อรสิริน โฮลดิ้ง กล่าวเสริมว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ยังคงได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ทำให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น รวมถึงนโยบายมาตรการภาครัฐ อาทิ การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมาตรการผ่อนคลาย LTV (Loan To Value Ratio) ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

          บริษัทฯ จึงเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เร่งขยายตลาดในทำเลคุณภาพ ชูกลยุทธ์พัฒนาที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นและนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่ดีให้แก่ลูกบ้านทุกโครงการ ควบคู่นวัตกรรมในการก่อสร้าง เพื่อควบคุมต้นทุนบริหารความเสี่ยงให้สอดรับกับต้นทุนที่ดิน ค่าก่อสร้าง และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

  

          นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนเพื่อการซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพทางการเงิน โดยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง โดยตั้งเป้าหมายยอดขายรวมในปี 2566 ไว้ที่ 1,735 ล้านบาท และวางเป้ายอดโอนรวมไว้ที่ 1,471 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารักษาการเติบโตของยอดขาย ไว้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี  
 
เว็บสำเร็จรูป
×